กรวยไตอักเสบเรื้อรัง

สาเหตุ...กรวยไตอักเสบเรื้อรัง

กรวยไตอักเสบเรื้อรัง

   - กรวยไตอักเสบคืออะไร...
        กรวยไตอักเสบหมายถึง การติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณกรวยไต โดยแบ่งเป็นชนิดเฉียบพลันซึ่งมีอาการแสดงชัดเจน และชนิดเรื้อรังซึ่งไม่มีอาการแสดงชัดเจน กรวยไตอักเสบพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และมักจะเป็นโรคแทรกซ้อนของ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต ต่อมลูกหมากอักเสบหรือการสวนสายปัสสาวะ ผู้ป่วยที่มีโรคดังกล่าวจึงควรหาทางรักษาให้หายขาด มิฉะนั้นมักจะมีกรวยไตอักเสบแทรกซ้อนซึ่งจะนำไปสู่ไตวายเรื้อรังได้ในที่สุด นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานหรือทานยาสเตอรอยด์เป็นประจำก็อาจมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ง่ายขึ้น 

   - กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน...
       กรวยไตอักเสบเฉียบพลันเกิดจากการติดเชื้ออักเสบเฉียบพลันในบริเวณกรวยไต ส่วนมากเชื้อโรคจะแพร่กระจายมาจากบริเวณผิวหนังรอบๆ ของท่อปัสสาวะแล้วเข้ามาในท่อปัสสาวะกระเพาะปัสสาวะและผ่านท่อไตมาที่ไต  การอุดตันของทางเดินปัสสาวะมักจะเป็นปัจจัยเสริม ให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เช่น นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต กระเพาะปัสสาวะไม่ทำงาน ในผู้ป่วยอัมพาตหรือการตั้งครรภ์ เป็นต้น

    - กรวยไตอักเสบเฉียบพลันจะแสดงอาการ ดังนี้: 
               • มีไข้สูงและหนาวสั่น
           • ปวดที่บริเวณสีข้างขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน ซึ่งจะปวดมากที่ข้างใดข้างหนึ่งและมีอาการปวดร้าวลงมาที่บริเวณขาหนีบ
           • บางคนอาจมีอาการระคายเคืองของทางเดินปัสสาวะส่วนล่างร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะกะปริดกะปรอย ปวดแสบปวดร้อน ปัสสาวะขุ่นหรือมีอาการเหมือนปัสสาวะจะราดเวลาปวดปัสสาวะซึ่งเป็นอาการเหมือนกับกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
           • การตรวจเลือดจะพบจำนวนเม็ดเลือดขาวมากกว่าปกติ
           • ปัสสาวะจะมีลักษณะขุ่น มีเม็ดเลือดขาวและแบคทีเรียจำนวนมากและมักจะมีเม็ดเลือดแดงร่วมด้วย

    - กรวยไตอักเสบเรื้อรัง...
          กรวยไตอักเสบเรื้อรังเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในบริเวณกรวยไตเนื่องจากมีการอุดตันหรือความผิด ปกติของทางเดินปัสสาวะ แต่ผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการแสดงแต่อย่างใดนอกจากการตรวจพบเชื้อแบคทีเรีย และเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะโดยบังเอิญ  หรือบางครั้งอาจมีกรวยไตอักเสบกำเริบเฉียบพลันหรือมีอาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ผู้ป่วยมักจะมีการอักเสบของกรวยไตนานเป็นแรมปีจนเซลล์ของไตถูกทำลาย ไตฝ่อและเกิดภาวะไตวายเรื้อรังในที่สุด

    - กรวยไตอักเสบได้อย่างไร...
          ปัจจุบันเชื่อว่ากรวยไตอักเสบมักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มาจากทวารหนักที่อาศัยอยู่ตามฝีเย็บของ ผู้หญิงและบริเวณหนังหุ้มปลายของผู้ชาย  และพบว่ากว่า  95% ของการติดเชื้อเกิดจากแบคทีเรียกลุ่มแกรมลบ ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียสายพันธุ์ที่ยึดติดกับเยื่อบุผิวของทางเดินปัสสาวะได้ดี

    - วิธีการบำบัดในทัศนะการแพทย์จีน...
        ในทัศนะการแพทย์จีน กรวยไตอักเสบเกิดจากภาวะพิษร้อน-ชื้น ที่สะสมในระบบทางเดินปัสสาวะซึ่งเป็น ภาวะที่เอื้อต่อการแพร่พันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย หากมีเชื้อแบคทีเรียลุกลามเข้ามาในระบบทางเดินปัสสาวะก็จะทำ ให้เกิดอาการอักเสบได้ง่ายในท่อปัสสาวะกระเพาะปัสสาวะหรือกรวยไต การแพทย์จีนจึงนิยมใช้วิธีบำบัดดังนี้:
           • ขจัดภาวะพิษร้อน - ชื้นและเสริมสร้างภูมิต้านทานของระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อต้านทานเชื้อโรคที่ก่อให้ เกิดการอักเสบได้มากขึ้น ซึ่งจัดเป็นวิธีสำคัญที่สุดในการป้องกันและรักษากรวยไตอักเสบโดยเฉพาะกรวยไตอักเสบชนิดเรื้อรัง
           • ช่วยขับปัสสาวะเพื่อขับเชื้อแบคทีเรียและสารพิษออกจากร่างกาย พร้อมทั้งลดอาการปวดแสบปวดร้อนเวลาปัสสาวะ
           • ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียกลุ่มแกรมลบที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่กรวยไตและกระเพาะปัสสาวะ
           อาการต่างๆ ของกรวยไตอักเสบเรื้อรังหรือกรวยไตอักเสบกำเริบเฉียบพลันจึงค่อยๆทุเลาลงและอาจหายไปในที่สุด ระยะเวลาการรักษาอาจไม่เท่ากันในแต่ละคน  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุ ความรุนแรงของอาการและระยะเวลาที่เรื้อรัง

   - ควรป้องกันกรวยไตอักเสบอย่างไร...
           กรวยไตอักเสบพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย  เนื่องจากเป็นโรคแทรกซ้อนของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งผู้หญิงเป็นกันเยอะมาก ดังนั้น ควรป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบด้วยวิธีดังนี้:
           • หมั่นทำความสะอาดบริเวณช่องคลอดและทวารหนัก ไม่ควรใช้ยาระงับกลิ่นบริเวณ ช่องคลอดหรือสารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง
           • หลังถ่ายอุจจาระ ควรเช็ดทำความสะอาดจากข้างหน้าไปข้างหลัง เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกัน การแพร่เชื้อแบคทีเรียจากทวารหนักไปสู่ท่อปัสสาวะ
           • ไม่ควรอั้นปัสสาวะไว้นาน ควรขับถ่ายให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปทำธุระข้างนอก การอั้นปัสสาวะ จะทำให้เชื้อโรคอยู่ในกระเพาปัสสาวะได้นานจนสามารถเจริญแพร่พันธุ์ และเมื่อกระเพาะปัสสาวะมีน้ำปัสสาวะมาก ความสามารถในการขจัดเชื้อโรคของเยื่อบุผิวกระเพาะปัสสาวะก็จะลดลง จึงทำให้เกิดอาการอักเสบได้ง่ายขึ้น
           • สวมใส่กางเกงในที่เป็นผ้าฝ้ายและหลีกเลี่ยงกางเกงที่คับหรือรัด เพื่อให้บริเวณอวัยวะเพศแห้ง
           • ควรใช้ผ้าอนามัยชนิดแผ่นแทนผ้าอนามัยชนิดสอด
           • ควรดื่มน้ำวันละ 3~4 ลิตรในช่วงที่มีอาการ เพื่อช่วยขับเชื้อโรคออกและช่วยลดอาการปวดแสบ ปวดร้อนเวลาปัสสาวะ
           • หากรู้สึกมีอาการขัดเบาหลังมีเพศสัมพันธ์ ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ 1 อาทิตย์ หรือดื่มน้ำก่อน การมีเพศสัมพันธ์ ควรใช้ครีมหล่อลื่นช่องคลอดและปัสสาวะทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์
           • ผู้ป่วยนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโตหรือต่อมลูกหมากอักเสบก็ควรรีบรักษาให้หายขาด อย่างทันท่วงที มิฉะนั้นมักจะมีกรวยไตอักเสบแทรกซ้อนซึ่งจะนำไปสู่ไตวายเรื้อรังได้ในที่สุด

 

 

ขอขอบคุณ...จากแหล่งข้อมูล บริษัทเอินเวย์

 

Last modified on วันอังคาร, 05 มิถุนายน 2555 15:06